การเคลือบงานพิมพ์ (Coating Method) มีแบบไหนบ้างนะ?
หลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการพิมพ์ ขั้นตอนต่อไปจะเป็นเทคนิคหลังการพิมพ์ ได้แก่ การเคลือบ หรือ Coating ซึ่งการเคลือบคืออะไร มีกี่ประเภท ข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภทมีอะไรบ้าง และจะช่วยเพิ่มความสวยปังให้งานพิมพ์ได้อย่างไร เราจะพาไปหาคำตอบจากบทความนี้กันค่ะ
การเคลือบ (Coating Method) จัดเป็นเทคนิคหลังการพิมพ์ เป็นการใช้น้ำยา หรือฟิล์ม PVC เคลือบลงบนพื้นผิวงานพิมพ์เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับงานพิมพ์ของคุณ โดยสามารถเลือกได้ว่าต้องการเคลือบแบบเงา (Glossy) หรือด้าน (Matte) แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.การเคลือบยูวี (UV)
เป็นการใช้น้ำยาอาบลงบนพื้นผิวสิ่งพิมพ์ จากนั้นจึงอบด้วยแสง UV ซึ่งมีทั้งแบบเงาและแบบด้าน แต่ที่นิยมกันคือการเคลือบ UV เงา ทำให้ได้ผิวสัมผัสที่ดูเงาวาว ถ้าเป็นแบบด้านจะนิยมเคลือบลามิเนตด้าน เนื่องจากจะเห็นชัดมากกว่าแบบ UV การเคลือบ UV เหมาะสำหรับงานพิมพ์ประเภทปกสมุด ปกหนังสือ ใบปลิว โบรชัวร์ โปสเตอร์ ฉลาก เป็นต้น
ข้อดีของการเคลือบ UV
การเคลือบ UV สามารถเคลือบบนกระดาษบางได้ ใช้เวลาในการเคลือบน้อย และราคาถูกกว่าการเคลือบแบบลามิเนต
ข้อเสียของการเคลือบ UV
ไม่ควรใช้กับบรรจุภัณฑ์ประเภทอาหาร หากใช้กับงานเย็บมุงหลังคาอาจพบปัญหาสันแตกได้บ้าง
2.การเคลือบ PVC หรือลามิเนต
การเคลือบ PVC หรือลามิเนต คือ การใช้ความร้อนอัดบนฟิล์มแผ่นบางๆ เพื่อให้ติดบนพื้นผิวงานพิมพ์ มีทั้งแบบฟิล์มเงา (Glossy) และฟิล์มด้าน (Matte) เหมาะสำหรับงานพิมพ์ประเภทปกสมุด ปกหนังสือ กล่องบรรจุภัณฑ์ สติกเกอร์ เป็นต้น
ข้อดีของการเคลือบ PVC หรือลามิเนต
ช่วยเพิ่มมูลค่าให้งานพิมพ์ ทนทาน สามารถกันน้ำหรือความชื้นได้ดีด้วยคุณสมบัติของฟิล์มที่ป้องกันการซึมของน้ำได้ในระดับนึง
ข้อเสียของการเคลือบ PVC หรือลามิเนต
ไม่สามารถเคลือบลงบนกระดาษบางได้ ราคาสูงกว่าการเคลือบ UV
3.การเคลือบ Spot UV
เป็นการเคลือบแบบเฉพาะจุด ซึ่งต่างจากแบบ UV ที่จะเคลือบทั้งแผ่นงาน การเคลือบแบบ Spot UV จะต้องมีบล็อก หรือแม่พิมพ์ออกแบบตามสัดส่วนเฉพาะจุดที่ต้องการลง ส่วนใหญ่มักใช้ควบคู่กันกับการเคลือบลามิเนตด้าน เหมาะสำหรับปกหนังสือ นามบัตร กล่องบรรจุภัณฑ์ การ์ด เป็นต้น
ข้อดีของการเคลือบ Spot UV
เพิ่มความโดดเด่นให้ชิ้นงาน โดยการเน้นส่วนสำคัญ เช่น ตัวอักษร หรือรูปภาพ
ข้อเสียของการเคลือบ Spot UV
ราคาสูงกว่าการเคลือบแบบ UV เนื่องจากต้องมีค่าทำบล็อก หรือแม่พิมพ์
4.การเคลือบวานิช
เป็นการเคลือบผิวกระดาษด้วยน้ำมันวานิช เพื่อป้องกันการขัดถูและเสียดสี โดยการเทน้ำมันวานิชลงไปในรางหมึกพิมพ์แล้วปล่อยให้เคลือบผิวกระดาษ แต่จัดเป็นการเคลือบที่ให้ความเงาไม่สูงมาก แบ่งเป็นการเคลือบวานิชเงา (Glossy Coating) และการเคลือบวานิชด้าน (Matte Coating) เหมาะกับงานประเภท กล่องบรรจุภัณฑ์ยาอาหาร และเครื่องสำอางค์ โบรชัวร์ ฉลาก คู่มืออาหาร เป็นต้น
ข้อดีของการเคลือบวานิช
ป้องกันการขัดถูและเสียดสี เพิ่มความเงางาม และคุณสมบัติพิเศษให้กับงานพิมพ์
ข้อเสียของการเคลือบวานิช
งานกล่องบรรจุภัณฑ์จะไม่ทนทาน ฉีกขาดง่าย ระยะเวลาในการเซ็ตตัวของวานิชค่อนข้างแห้งช้า และมีโอกาสที่งานจะออกสีเหลืองหากเก็บไว้นานๆ
5.การเคลือบวอเตอร์เบส
เป็นการเคลือบผิวงานให้เกิดความเงาโดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย จึงเรียกว่าการเคลือบ “Water Base” ช่วยป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือ และลดความหมองของสีบนงานพิมพ์ เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สำหรับใส่อาหาร และบรรจุภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
ข้อดีของการเคลือบวอเตอร์เบส
ให้ความเงาที่ดูเป็นธรรมชาติ มีความเหลืองน้อยกว่าการเคลือบแบบวานิช แห้งเร็วกว่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า
ข้อเสียของการเคลือบวอเตอร์เบส
งานค่อนข้างมีความมันวาว และลื่น หากวางซ้อนกันอาจทำให้ร่วงหล่นได้
การเคลือบแบบต่างๆมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ ความเหมาะสม และงบประมาณของแต่ละคน ทั้งนี้หากท่านผู้อ่านที่ต้องการผลิตชิ้นงานแต่ไม่แน่ใจว่าควรใช้เทคนิคการเคลือบแบบใด สามารถทักมาปรึกษากับทางเราได้เลยค่ะ